วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ค้นคว้าเพิ่มเติมจากบทที่ 1 การศึกษา การพัฒนามนุษย์ กับหลักสูตร



ค้นคว้าเพิ่มเติมจากบทที่ 1
การศึกษา การพัฒนามนุษย์ กับหลักสูตร
1.การศึกษา หมายถึง
ยัง ยัคส์  รุสโซ  (Jean Jacques  Rousseau)  ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษา
คือ การปรับปรุงคนให้เหมาะกับโอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป   หรืออาจกล่าวได้ว่า    การศึกษา คือ การนำความสามารถในตัวบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
โจฮัน เฟรดเดอริค  แฮร์บาร์ต   (John   Friedich   Herbart)     ให้ความหมายของการศึกษาว่า
การศึกษาคือ  การทำพลเมืองให้มีความประพฤติดี  และมีอุปนิสัยที่ดีงาม
เฟรด  ดเอริค  เฟรอเบล  (Friedrich  Froebel)  การศึกษา  หมายถึง  การพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กเพื่อให้เด็กพัฒนาตนเอง
จอห์น  ดิวอี้  (John  Dewey)   ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้หลายความหมาย  คือ
1.   การศึกษาคือชีวิต ไม่ใช่เตรียมตัวเพื่อชีวิต
2.   การศึกษาคือความเจริญงอกงาม
3.   การศึกษาคือกระบวนการทางสังคม
4.   การศึกษาคือการสร้างประสบการณ์แก่ชีวิต
คาร์เตอร์ วีกู๊ด  (Carter  V. Good)  ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้  3  ความหมาย  คือ
1.  การศึกษาหมายถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่บุคคลนำมาใช้ในการพัฒนาความรู้ความสามารถ เจตคติ ความประพฤติที่ดีมีคุณค่า และมีคุณธรรมเป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม
2.  การศึกษาเป็นกระบวนการทางสังคม  ที่ทำให้บุคคลได้รับความรู้  ความสามารถจาก
สิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนจัดขึ้น
3.  การศึกษาหมายถึงการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่รวบรวมไว้อย่างเป็นระเบียบให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษา
..ปิ่น มาลากุล   การศึกษาเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวบุคคล
ดรสาโช  บัวศรี  การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคคลและสังคมที่ทำให้คนได้มีการเรียนรู้ และพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
                    สรุป การศึกษา  เป็นกระบวนการให้ส่งเสริมให้บุคคลเจริญเติบโตและมีความเจริญงอกงามทางกาย  อารมณ์ สังคม และสติปัญญาจนเป็นสมาชิกของสังคมที่มีคุณธรรมสูง


2.การพัฒนา หมายถึง
          การพัฒนา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่มีการกระทำให้เกิดขึ้น หรือมีการวางแผนกำหนดทิศทางไว้ล่วงหน้า โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดีก็ไม่เรียกว่าการพัฒนา
          ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน การพัฒนา หมายถึง การทำให้เจริญ ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Development” แปลว่า การเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย โดยผ่านลำดับขั้นต่างๆ ไปสู่ลำดับที่สามารถขยายตัวขึ้น เติบโตขึ้น มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นและเหมาะสมไปกว่าเดิม
โดยสรุป การพัฒนา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเจริญก้าวหน้า

 3.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง
         มนุษย์ คือ สัตว์ที่รู้จักใช้เหตุผล  สัตว์ที่มีจิตใจสูง   ทรัพยากร หมายถึง  สิ่งทั้งปวงอันเป็นทรัพย์   ส่วนพัฒนา  หมายถึง  ทำให้เจริญ     (พจนานุกรม  ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525)  จากความหมายของศัพท์ดังกล่าว สรุปได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คือการทำให้มนุษย์เจริญ มีศักยภาพมากขึ้นจนกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าในสังคมและในประเทศ     
        การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง  กระบวนการดำเนินงานที่ส่งเสริมให้ บุคลากรเพิ่มความรู้ และทักษะ  มีพฤติกรรมการทำงานที่เหมาะสมกับงานที่รับผิดชอบ   ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4.การพัฒนามนุษย์ หมายถึง
           การพัฒนามนุษย์โดยมองคนในฐานะเป็นมนุษย์ มีความหมายว่า มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ของเขาเอง ชีวิตมนุษย์นั้นมีจุดหมาย จุดหมายของชีวิตคือ ความสุข อิสรภาพ ความดีความงามของชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล
          เราต้องให้ความสำคัญว่าเราจะพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างไร พร้อมกับที่อีกด้านหนึ่ง เขาก็จะเป็นทรัพยากร เป็นทุน เป็นปัจจัยที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

5.ความหมายพัฒนามนุษย์ กับ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ต่อการศึกษา
          การพัฒนามนุษย์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ กับการพัฒนามนุษย์ในฐานะที่เป็นทรัพยากรมนุษย์นี้มีความหมายต่อการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นกระบวนการในการพัฒนาคน ทั้งในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยตัวของมันเอง และในฐานะที่เป็นทรัพยากร ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันคือ การศึกษาเพื่อพัฒนาตัวมนุษย์นั้น เป็นการศึกษาที่เรียกได้ว่าเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน (การศึกษาระยะยาว) ส่วนการศึกษา เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีความหมายขึ้นกับกาลเทศะ หรือยุค สมัยมากกว่า คือเป็นการศึกษาที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของยุคสมัยนั้นๆ (การศึกษาระยะสั้น) เช่น เพื่อสนองความต้องการของสังคมในด้านกำลังคนในสาขางานและกิจกรรมต่างๆ ฉะนั้นเราจึงควรจัดการศึกษา ๒ อย่างนี้ให้สัมพันธ์กัน เพราะถ้าเราสามารถพัฒนาทั้ง ๒ ส่วนนี้ให้สัมพันธ์กันจนเกิดดุลยภาพขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อชีวิตและสังคมมาก
          ในที่นี้จะขอบรรยายถึงการศึกษากับการพัฒนามนุษย์ ในความหมายที่เป็นส่วนต่อเชื่อมจากการศึกษาที่เป็นการพัฒนามนุษย์เอง มาสู่การพัฒนามนุษย์ในฐานะเป็นทรัพยากร ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะหน้า คือ จะไม่ลงสู่เรื่องเฉพาะเกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนในด้านต่างๆ แต่จะเน้นเรื่องการพัฒนาคุณภาพคน สำหรับแก้ปัญหาที่เป็นจุดเด่นของยุคสมัย


7.การออกแบบหลักสูตร
  การออกแบบหลักสูตรอาศัยแนวคิดจากคำถามข้อที่ 2 ของไทเลอร์ คือ การเลือกประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ (Tyler, 1969)
          การออกแบบหลักสูตร คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับรูปร่างหรือการจัดเค้าโครงในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดจุดมุ่งหมายและจุดประสงค์ของหลักสูตร อันจะนำไปสู่การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระ ช่วยให้ครูเลือกและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมซึ่งจะเกี่ยวข้องกับภาระงาน  4 เรื่อง คือ จุดประสงค์  เนื้อหาสาระ ประสบการณ์การเรียนรู้การสอน และการประเมิน การออกแบบหลักสูตรที่แตกต่างกันให้คุณภาพที่หลากหลายทั้งความรู้และประสบการณ์ การออกแบบหลักสูตรต้องพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจเป็นอันดับแรกและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการจัดการสอน การจัดโครงสร้างเนื้อหาสาระและงานที่มอบหมาย เรื่องของเวลาและการจัดสรรทรัพยากร จะต้องตอบให้ได้ว่าผู้เรียนจะเรียนอะไร จะจัดโครงสร้างที่เรียนอย่างไร หลักสูตรจะแสดงในรูปแบบใดและจะจัดโครงสร้างอย่างไร ผู้ออกแบบหลักสูตรต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
          หลักสูตรโดยทั่วไปถูกออกแบบตามสาขาวิชา (Discipline)เช่น วิศวกรรมศาสตร์ มนุษยศาสตร์  วิทยาศาสตร์ หรือออกแบบตามขอบข่ายเนื้อหาสาระ (Field) เช่น ศิลปะ  หน้าที่พลเมือง  สังคมศึกษา หรือออกแบบเป็นหน่วย (Unit) เช่น หน่วยดนตรีแจ๊ส  หน่วยสื่อสารมวลชน หรือออกแบบตามศูนย์กลางการจัดระเบียบ (Organizing Centers) เช่น กระบวนการ โครงการ ภาระงาน  หรือออกแบบตามการติดตามความสนใจ (Personal Persuits) เช่น ชมรมแอร์โรบิก  ชมรมประกอบอาหาร
          ออร์นสไตน์และฮันกิน (Ornstein and Hunkins, 1998) ได้สรุปการจัดกลุ่มแนวคิดการออกแบบหลักสูตรไว้ 3 กลุ่ม ได้แก่
1. การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาวิชา (Subject-centered Design) ซึ่งอาศัยแนวคิดปรัชญา
การศึกษาที่สำคัญ คือสารัตถะนิยมและนิรัตรนิยมเป็นหลัก ได้แก่ หลักสูตรแบบรายวิชา (Subject Design)หลักสูตรแบบสาขาวิชา(Discipline Design) หลักสูตรแบบหมวดวิชา (Broad Fields Design) หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (Correlation Design) และ หลักสูตรเน้นกระบวนการ (Process Design)
2. การออกแบบหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Learner-centered Design) เป็นหลักสูตรที่มอง
ประโยชน์ของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความต้องการและความสนใจของผู้เรียน ได้แก่  หลักสูตรเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  (Child-centered Design) หลักสูตรเน้นประสบการณ์ (Experience-centered Design)  หลักสูตรแบบจิตนิยม (Romantic/ Radical Design) และ หลักสูตรมนุษยนิยม (Humanistic Design)
3. การออกแบบหลักสูตรที่เน้นปัญหาสังคมเป็นสำคัญ(Problem-centered Design) เป็นหลักสูตร
ที่มุ่งเน้นภาระหน้าที่ ชีวิตภายในสังคม สถานการณ์ในสังคม  เน้นสภาพของสังคม ปัญหาสังคมเป็นหลัก ได้แก่ หลักสูตรเน้นสถานการณ์ของชีวิต (Life-situation Design) หลักสูตรแกนกลาง(Core Design) และหลักสูตรเน้นปัญหาและปฏิรูปสังคม (Social Problems and Reconstructionist Design)
การออกแบบหลักสูตรตามแนวคิดของปริ้นส์  ลาลวานี(Princess Lalwani, 2012)
1. การออกแบบหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาสาระเป็นสำคัญ(Subject-centered Curriculum Design)
 มุ่งเน้นเนื้อหาสาระเป็นฐาน ให้ความสำคัญกับการจัดการในเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการ กลยุทธ์และทักษะชีวิต เช่น การแก้ปัญหา  การตัดสินใจหรือทีมงาน
2. การออกแบบหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ(Learner-centered Curriculum Design) มี
สาระสำคัญอยู่ที่ความคาดหวังเกี่ยวกับผู้เรียนที่จะได้สำรวจความต้องการในชีวิตของตนเอง ครอบครัว หรือสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ผู้เรียนจะไม่ถูกกำหนดให้เป็นผู้กระทำ แต่จะได้รับการสนับสนุนให้เรียนรู้โดยการมีปฎิสัมพันธ์กับผู้สอนและสิ่งแวดล้อม การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้เรียน ได้เรียนรู้แบบเปิดและเป็นอิสระ โดยเลือกกิจกรรมจากครูจัดให้หลากหลาย
3.การออกแบบหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ของผู้เรียน (Learner-centered
 Curriculum Humanistic Design) การเรียนรู้ในอุดมคติของของมนุษย์เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึกและการกระทำ แนวคิดในการพัฒนาตนเองในทางบวก (Positive self-concept) และทักษะระหว่างบุคคล (Interpersonal skills)
4. การออกแบบหลักสูตรแบบปัญหาเป็นฐาน (Problem-centered Curriculum Design)  เป็น
การสนับสนุนชีวิตจริงของผู้เรียน เพราะต้องเสาะแสวงหาความรู้และแก้ปัญหา ปัญหาต่าง ๆเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในชีวิตจริง โดยการฝึกการแก้ปัญหาในโรงเรียนด้วยการเลือกประเด็นปัญหาในเชิงปรัชญาหรือเชิงจริยธรรมในแต่ละท้องถิ่น
5. การออกแบบหลักสูตรตามกระบวนการการพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development
Models Design) มีทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการสอนและการเรียนรู้ หลักสูตรแบบนี้ให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของหลักสูตร เป็นการออกแบบโดยกลุ่มนักวางแผนการศึกษา มีการตัดสินใจที่มาจากฝ่ายการเมืองและกลุ่มตัวแทนสังคมต่าง ๆ แนวคิดการออกแบบหลักสูตรมีดังนี้
5.1   การออกแบบหลักสูตรกลุ่ม (Deductive Models) ให้ความสำคัญกับการกำหนดจุดมุ่งหมายของ
การศึกษาและการระบุวัตถุประสงค์เฉพาะที่แสดงความสำเร็จ ไทเลอร์กล่าวว่าการออกแบบหลักสูตรด้วยธรรมชาติและโครงสร้างความรู้ต้องมุ่งตอบสนองความต้องการจำเป็นของผู้เรียน
5.2   การออกแบบหลักสูตรกลุ่ม (Inductive Models)เป็นการออกแบบตามแนวคิดของทาบาซึ่งเชื่อว่าผู้สอนจะต้องเป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการด้วยการสร้างหน่วยการเรียนการสอนสำหรับผู้เรียนในโรงเรียนด้วยตนเอง

8.คุรุสภา หมายถึง
คุรุสภา (อังกฤษKhurusapha) มีชื่อทางการว่า สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
(อังกฤษThe Teachers’ Council of Thailand) เป็นสภาในกระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งขึ้นพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 มีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับ ดูแล การปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นการยกระดับวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยมีสำนักเลขานุการคือ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา





NPU Model






วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

กิจกรรม



กิจกรรม (Activity)
  สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนามนุษย์ การศึกษา การเรียนรู้และหลักสูตร
1. การศึกษาในฐานะเครื่องมือการพัฒนา
            การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาและเป็นเครื่องชี้นำสังคม ผู้ได้รับการศึกษาจึงเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ การเรียนการสอนเป็นการพัฒนาคน ซึ่งไม่ใช่สิ่งทดลองหรือลองผิดลองถูก กระบวนการพัฒนาคนนั้นครู ผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ การออกแบบการสอนเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการสอน เพื่อให้การสอนบรรลุเป้าหมายที่กำหนด โดยอาศัยระบบที่มีขั้นตอนพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
            การศึกษา (Education) เป็นการเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ ให้สามารถปฏิบัติงานที่มีความแตกต่างจากงานเดิมได้ การศึกษาเป็นกระบวนการในการพัฒนามนุษย์ ทั้งในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยตัวของมันเอง และในฐานะที่เป็นทรัพยากร การศึกษาเป็นการพัฒนาคนที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ (knowledge-based) วิจิตร ศรีสะอ้าน (2539 : 232 - 233) กล่าวว่า การศึกษามีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ
1)  การศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลให้เป็นไปในแนวทางที่ปรารถนา
2)  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เป็นไปโดยจงใจ โดยมีการกำหนดจุดมุ่งหมายซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดไว้ 
3)  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้กระทำเป็นระบบ มีกระบวนการอันเหมาะสมและผ่านสถาบันทางสังคมที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ด้านการศึกษา
2. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
            การพัฒนามนุษย์ในฐานะที่เป็นมนุษย์ กับการพัฒนามนุษย์ในฐานะที่เป็นทรัพยากรมนุษย์นี้มีความหมายต่อการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นกระบวนการในการพัฒนาคน ทั้งในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยตัวของมันเอง และในฐานะที่เป็นทรัพยากร ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันคือ การศึกษาเพื่อพัฒนาตัวมนุษย์นั้น เป็นการศึกษาที่เรียกได้ว่าเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน (การศึกษาระยะยาว) ส่วนการศึกษาเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีความหมายขึ้นกับกาลเทศะ หรือยุคสมัยมากกว่า คือเป็นการศึกษาที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมของยุคสมัยนั้น (การศึกษาระยะสั้น) เช่น เพื่อสนองความต้องการของสังคมในด้านกำลังคนในสาขางานและกิจการต่าง ๆ ฉะนั้นเราจึงควรจัดการศึกษาทั้งสอง อย่างนี้ให้สัมพันธ์กัน เพราะถ้าเราสามารถพัฒนาทั้งสองส่วนนี้ให้สัมพันธ์กันจนเกิดดุลยภาพขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อชีวิตและสังคมมาก 
            การพัฒนา (Development) เป็นการฝึกอบรมคนให้มีความสามารถใหม่ เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ มุมมองใหม่ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถสร้างสรรค์งานได้ผลดียิ่งขึ้น มีบริการที่รวดเร็วกว่า  มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น   เป็นการเรียนรู้เพื่อพัฒนารายบุคคลแต่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบันหรืออนาคต  บุคลากรในองค์กรทำให้องค์กรได้เปรียบในการแข่งขัน ทำให้อยู่ในแนวหน้า ปัจจุบันเราเรียกองค์กรนี้ว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ การพัฒนามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่เป็นระบบ ทำให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพและต่อเนื่อง มีการปรับบทบาทหน้าที่ การคงอยู่ขององค์กร 
สรุป (Summary)
         การศึกษาในฐานะเครื่องมือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มุ่งการจัดระบบประสบการณ์การเรียนรู้ การดำเนินการภายในเวลาที่จำกัด เพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ และการเจริญเติบโตของงาน การพัฒนามนุษย์ (Human Development) ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 พรบ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. 2545 และ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. 2553 มีเจตนารมณ์ที่ต้องการเน้นย้ำว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอก และการศึกษาตามอัธยาศัย หลักสูตรการศึกษาระดับต่าง ๆ ต้องมีลักษณะหลากหลาย ทั้งนี้ให้จัดตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ
3. หลักสูตร
3.ความหมายของ หลักสูตร
              คำว่า “หลักสูตร” แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า “curriculum” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “currere” หมายถึง “running course” หรือเส้นทางที่ใช้วิ่งแข่ง ต่อได้นำศัพท์นี้มาใช้ในทางการศึกษาว่า “running sequence or learning experience” (Armstrong,1986:2) การที่เปรียบเทียบหลักสูตรกับสนาม หรือเส้นทางที่ใช้วิ่งแข่งอาจเนื่องมาจากการที่ผู้เรียนจะสำเร็จการศึกษาในระดับใดหรือหลักสูตรใดก็ตาม ผู้เรียนจะต้องฟันฝ่าความยากของวิชาหรือประสบการณ์การเรียนรู้ตามลำดับขั้นที่กำหนดไว้ในหลักสูตร จากความหมายของหลักสูตรในลักษณะต่างๆ ที่ได้ยกตัวอย่าง สามารถสรุปแนวความคิดเกี่ยวกับความหมายของหลักสูตรเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้ดังนี้
 • หลักสูตรในฐานะที่เป็นวิชาและเนื้อหาสาระที่จัดให้แก่ผู้เรียน
 • หลักสูตรในฐานะที่เป็นเอกสารหลักสูตร
 • หลักสูตรในฐานะที่เป็นกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะให้แก่ผู้เรียน
 • หลักสูตรในฐานะแผนสำหรับจัดโอกาสการเรียนรู้หรือประสบการณ์ที่คาดหวังแก่นักเรียน
 • หลักสูตรในฐานะที่เป็นมวลประสบการณ์
  • หลักสูตรในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทาง
 • หลักสูตรในฐานะที่เป็นระบบการเรียนการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน
3.คุณสมบัติของหลักสูตร
              คุณสมบัติของหลักสูตร  หมายถึง  ธรรมชาติหรือลักษณะของหลักสูตรว่าเป็นอย่างไรซึ่งอาจหมายรวมถึงข้อตกลงหรือข้อยอมรับเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของหลักสูตร  คุณสมบัติหรือกฎเกณฑ์ของหลักสูตรมีดังนี้
 • หลักสูตรมีลักษณะเป็นพลวัต
 • การพัฒนาหลักสูตรเป็นการพัฒนาต่อเนื่อง
• หลักสูตรไม่สามารถแสดงกิจกรรมหรือกระทำกิจกรรมต่างๆ ตัวของมันเองได้จึงจำเป็นต้องใช้กิจกรรมหรือการกระทำอย่างอื่นมาช่วย 
3.ความสำคัญของหลักสูตร
              หลักสูตรเป็นองค์ประกอบอันสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของการจัดการศึกษา  การจัดการศึกษาประเภทและระดับใดก็ดีจะขาดหลักสูตรไปมิได้  เพราะหลักสูตรจะเป็นโครงร่างกำหนดไว้ว่าจะให้เด็กได้รับประสบการณ์อะไรบ้างจึงจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กและสังคม  หลักสูตรเป็นแนวทางที่จะสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ผู้เรียน 
3.องค์ประกอบของหลักสูตร
 องค์ประกอบตามหลักสูตรอาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด  แต่ส่วนใหญ่มีประเด็นหรือองค์ประกอบที่สำคัญเหมือนกันอย่างครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้หลักสูตรสามารถไปใช้หลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์ประกอบที่สำคัญคือ
•  จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
 เนื้อหา
•  การนำหลักสูตรไปใช้
 • การประเมินผลหลักสูตร 
3.ลักษณะของหลักสูตรที่ดี  
              หลักสูตรเป็นแนวทางสำคัญในการจัดการเรียนการสอน ลักษณะของหลักสูตรที่ดีจะนำไปสู่การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ  และเกิดสัมฤทธิ์ผลทางการศึกษา
สรุป (Summary)
              หลักสูตรมีความสำคัญยิ่งในการจัดการศึกษา เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นแนวทางในการจัดประสบการณ์แก่ผู้เรียน อันเปรียบเสมือนแผนที่หรือ  เข็มทิศที่จะนำทางในการวัดการศึกษาให้บรรลุผล หลักสูตรที่ดีจะต้องมีความชัดเจนเหมาะสมกับผู้เรียนและสังคมซึ่งจะทำให้การนำหลักสูตรไปใช้หรือการจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นในการจัดทำหรือการพัฒนาหลักสูตรจึงควรถือเป็นงานสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการเพื่อให้ได้หลักสูตรในระดับต่างๆ ที่ดีเพราะถ้าเรามีหลักสูตรที่ดีถูกต้องเหมาะสมการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางในเรื่องการศึกษาจะเป็นไปโดยราบรื่นสามารถสร้างลักษณะสังคมที่ดีในอนาคตโดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมืออย่างเต็มภาคภูมิ






ตรวจสอบทบทวน


ตรวจสอบทบทวน (Self-Test)
  หลักสูตรมีความสำคัญหรือจำเป็นต่อการศึกษาหรือไม่ อย่างไร
            หลักสูตรเปรียบเสมือนตัวแม่บทหรือหัวใจของการศึกษาที่ถือเป็นแก่นสำคัญในการวางแนวทางการจัดการศึกษา เป็นตัวกำหนดทิศทางของการศึกษาในการที่จะให้ความรู้ การเสริมสร้างเจตคติ ตลอดทั้งการฝึกฝนในด้านต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนารอบด้าน  อาจกล่าวได้ว่า หลักสูตรนั้นมีความสัมพันธ์กับการเรียนการสอนโดยตรง จะแสดงให้เห็นว่า วัตถุประสงค์ของการสอนที่ต้องการมีอะไรบ้าง จะสอนอะไร เป็นต้น อาจสรุปความสำคัญของหลักสูตรได้ดังนี้
1. หลักสูตรเป็นเสมือนเบ้าหลอมพลเมืองที่ดีและมีคุณภาพ เนื่องจากผู้เรียนหรือประชาชน คือ ผลผลิตของการศึกษา ดังนั้น คุณภาพของประชาชนจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลักสูตรว่าต้องการให้ผู้ผ่านการศึกษามีคุณสมบัติอย่างไร
2. หลักสูตรเป็นโครงการและแนวทางในการให้การศึกษา เพราะหลักสูตรจะบอกให้ทราบว่าการจักการศึกษานั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร จะจัดการเรียนการสอนอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะทำให้เห็นภาพรวมของการจัดการศึกษาของชาติว่ามุ่งทิศทางใด ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายกับการจัดการเรียนการสอยจะได้ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน
3. หลักสูตรเป็นแนวทางไปสู่การปฏิบัติงานของครู  เพราะหลักสูตรจะบอกให้ครูรู้ว่าควรพัฒนาผู้เรียนด้านใด จะสอนด้วยเนื้อหาสาระอะไร และควรจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์ใดให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้
4. หลักสูตรเป็นมาตรฐานของการศึกษา ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ
4.1 มาตรฐานประการแรก  สถาบันการศึกษา หรือโรงเรียนจะต้องสอนให้ถึงมาตรฐานที่หลักสูตรกำหนดไว้ คือ สอนให้ครบตามหลักสูตรที่วางไว้
4.2 มาตรฐานประการที่สอง หมายความว่า  หลักสูตรเป็นเกณฑ์มาตรฐานให้ทุกสถาบันการศึกษาที่จัดตั้งขึ้นด้วนวัตถุประสงค์เดียวกัน ได้จัดการศึกษาที่เป็นแบบแผนที่เป็นมาตรฐานเดียวกันในการจัดการเรียนการสอน
5. หลักสูตรเป็นเครื่องบ่งชี้ความเจริญของประเทศ เนื่องจาการศึกษาเป็นเครื่องมือพัฒนาคน ดังนั้น ประเทศใดจัดหารศึกษาโดยมีหลักสูตรที่เหมาะสม ทันต่อเหตุการณ์ และการเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ย่อมได้กำลังคนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การพัฒนาสังคมและชาติเป็นไปอย่างได้ผลดียิ่งขึ้น

สรุป (Summary)
          หลักสูตรมีความสำคัญเป็นอย่างมากในกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพราะหลักสูตรบอกให้ทราบว่าผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างไร และจะต้องจัดเนื้อหาสาระอย่างไร เครื่องมือวัดผลประเมินผลอย่างไร  ดังนั้นหลักสูตรจึงเป็นหัวใจของการจัดการเรียนการสอน และเป็นตัวกำหนดแนวทางในการจัดการศึกษาเพื่อนำไปสู่ความมุ่งหมาย ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ และเป็นไปตามที่สังคมต้องการ








วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ความหมายการพัฒนาหลักสูตร



ความหมายการพัฒนาหลักสูตร


เซเลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส (Salor, Alexzander and Lewis 1981) ได้ให้คำนิยาม หลักสูตรไว้ว่า หลักสูตร คือ การจัดเตรียมมวลประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดสัมฤทธิ์ผล ความมุ่งหมายทางการศึกษาอย่างกว้างๆ และจุดมุ่งหมายเฉพาะโรงเรียน

สมิธ (Smith, M.K. 1996) ได้ให้แนวคิดในการนิยาม “หลักสูตร” ตามทฤษฏี และการปฏิบัติหลักสูตรมี 4 ทิศทางดังต่อไปนี้
1.) หลักสูตรเป็นองค์ความรู้ที่จะส่งผ่านให้ผู้เรียน
2.) หลักสูตรเป็นความพยายามที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์
3.) หลักสูตรเป็นกระบวนการ
4.) หลักสูตรเป็น Praxis หมายถึง การปฏิบัติของมนุษย์และความเข้าใจในการปฏิบัตินั้น

สุเทพ อ่วมเจริญ (2557: 1) กล่าวว่า วิชา "การพัฒนาหลักสูตร" คือ รายวิชาและเนื้อหาที่ใช้ในการสอนระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะสถาบันที่ทำหน้าที่ในการผลิตครู
จากคำว่า "การพัฒนาหลักสูตร"  เราจะเห็นถึงคำสำคัญอยู่คำหนึ่งนั้นคือคำว่า "หลักสูตร" ซึ่งผู้เขียนสามารถสรุปความหมายของคำว่าหลักสูตรได้ดังนี้
หลักสูตร คือ กิจกรรมในการเรียนการสอนที่พัฒนาและส่งเสริมให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายที่วางไว้

เนตรชนก  ฤกษ์หร่าย (2552,น.45-46) กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การปรับปรุงหรือการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น หรือเป็นการสร้างหลักสูตรใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพสามารถใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้สอดคล้องกับความต้องการของสังคม ชุมชน ท้องถิ่น มีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตของผู้เรียน พัฒนาให้ผู้เรียนมีความเจริญทั้งด้านความรู้ ความคิด สติปัญญา รับผิดชอบตนเองและสังคมได้

เมทินี  จำปาแก้ว (2550,น.10) กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือเป็นการจัดทำหลักสูตรใหม่โดยการนำหลักสูตรเดิมมาปรับ โดยการจัดการเรียนการสอนที่สัมพันธ์สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้เรียนมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ การวางแผนจัดทำหรือยกร่างหลักสูตร การใช้หลักสูตร และการประเมินผลหลักสูตร

สมนึก  ทองเพ็ชร (2552,น.8) กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะสมสอดคลองกับความต้องการของผู้เรียน ทั้งด้านสภาพเศรษฐกิจและสังคม ให้ผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวไว้

อรอนงค์  บุญแผน (2552,น.10) กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การสร้างหลักสูตรใหม่หรือการปรับปรุงหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการที่พัฒนาหรือปรับปรุงให้ดีนั้นจะต้องมีการใช้จริงแล้วผ่านกระบวนการประเมินหลักสูตรแล้วเห็นสมควรแล้วว่าจะต้องมีการปรับปรุง บางครั้งหลักสูตรที่ใช้อยู่อาจจะดีอยู่แล้วแต่ต้องการพัฒนาเพื่อไม่ให้หลักสูตรล้าหลัง

ทาบา (Taba) ได้กล่าวไว้ว่า “ การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรอันเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาวิชา การเรียนการสอน การวัดผลประเมินผล และอื่นๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายอันใหม่ที่วางไว้ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบหรือเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ตั้งแต่จุดมุ่งหมายและวิธีการ และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบกระเทือนทางด้านความคิดและความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนการปรับปรุงหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบางส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิดพื้นฐาน หรือรูปแบบของหลักสูตร ”

กู๊ด (Good) ได้ให้ความเห็นว่า “ การพัฒนาหลักสูตรเกิดได้ 2 ลักษณะ คือ การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร การปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรอย่างหนึ่งเพื่อให้เหมาะสมกับโรงเรียนหรือระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมายของการสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธีสอน รวมทั้งการประเมินผล ส่วนคำว่าเปลี่ยนแปลงหลักสูตร หมายถึงการแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่างไปจากเดิม เป็นการสร้างโอกาสทางการเรียนขึ้นใหม่ ”

สงัด อุทรานันท์ ได้กล่าวถึงความหมายของการพัฒนหลักสูตรว่า
“ การพัฒนา ” ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า “Development” มีความหมายอยู่ 2 ลักษณะ คือ
•  การทำให้ดีขึ้นหรือทำให้สมบูรณ์ขึ้น
•  การทำให้เกิดขึ้น
ด้วยเหตุนี้การพัฒนาหลักสูตรจึงมีความหมายใน 2 ลักษณะ คือ การทำหลักสูตรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น หรือสมบูรณ์ขึ้น กับการสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีหลักสูตรเดิมเป็นพื้นฐานเลย




สังเคราะห์ความหมายการพัฒนาหลักสูตรของอาธิญา  แคนดา
    อาธิญา  แคนดา กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลักสูตรให้ได้ผลดีขึ้นหรือสมบูรณ์ขึ้น เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของบุคคล สถานศึกษา และสภาพสังคม โดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมาย วิธีการในการจัดการเรียนการสอนที่สัมพันธ์สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้เรียนมากขึ้น



วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ประมวลการสอนรายวิชาการพัฒนาหลักสูตร


ประมวลรายวิชาพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development)
1.ชื่อสถาบันอุดมศึกษา           
มหาวิทยาลัยนครพนม
2.วิทยาเขต/คณะ/ภาควิชา      
คณะครุศาสตร์
3.รหัสและชื่อรายวิชา           
            31300305 พัฒนาการหลักสูตร (Curriculum Development) 
4.จำนวนหน่วยกิต                  
3หน่วยกิต (2-2-5)
5.หลักสูตรประเภทวิชา   
หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต
หมวดวิชาเฉพราะกลุ่มวิชา (วิชาบังคับ)
6.อาจารย์ผู้สอน                      
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา  ธงพานิช
E-mail : Phichittra.npu.ac.th
Mobile: 0884555839
7.ภาคเรียนที่/ปีการศึกษา         
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
8.รายวิชาที่ต้องเรียนมาก่อน (Pre-requisite)(ถ้ามี)
-
9.สถานที่เรียน                         
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม
8.จุดมุ่งหมายของรายวิชา
รายวิชานี้ออกแบบไว้เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้และบรรลุจุดมุ่งหมาย ดังนี้
8.1  มีความรู้ในเรื่องการพัฒนาหลักสูตร ทฤษฎีหลักสูตร และแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
8.2  วิเคราะห์พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา ด้านจิตวิทยา ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และด้านสาขาวิชา
8.3 มีทักษะกระบวนการพัฒนาหลักสูตร การวางแผ่นหลักสูตร การออกแบบหลักสูตรการจัดหลักสูตรหรือการนำหลักสูตรไปใช้ และการประเมินหลักสูตร8.4 มีความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน8.5 มีเจตคติที่ดีและให้ความสำคัญต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของหลักสูตร

9.คำอธิบายรายวิชา
            ศึกษาความหมายวิเคราะห์ อภิปรายถึงความสำคัญ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีและพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร ประเภทและองค์ประกอบของหลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรของไทยและต่างประเทศ การวางแผนและการออกแบบหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรท้องถิ่น การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตรและการประเมินผลหลักสูตร

10.จำนวนชั่วโมงที่ใช้ต่อภาคการศึกษา
บรรยาย
สอนเสริม
การฝึกปฏิบัติงานภาคสนาม/การฝึกงาน
การศึกษาด้วยตัวเอง
2 ชั่วโมง/สัปดาห์
-
2ชั่วโมง/สัปดาห์
5 ชั่วโมง/สัปดาห์






แนวคิดการปรับเปลี่ยนเอกสารคำสอน รายวิชาพัฒนาหลักสูตรเป็นผลจากการวิจัยเรื่องการพัฒนากระบวนทัศน์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ในยุคการศึกษา 4.0 ของนักศึกษาวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยานครพนม ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย ปีการศึกษา 2560
มีการกำหนดจุดหมาย และจำนวนชั่วโมง ดังนี้
ด้านความรู้/ทักษะ                       Need Analysis Planning                         16 Hrs/
                          Praxis-Generating                                 32 Hrs/
                                                     Undersastanding-Producing                  16 Hrs/
 รวมจำนวน 64 ชั่วโมง
ออกแบบการสอน จำนวน หน่วย
หน่วยที่ การวางแผน (Planning Curriculum) (จำนวน ครั้ง ๆ ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง)
1.       การศึกษา การพัฒนามนุษย์ กับหลักสูตร
2.       ทฤษฎีหลักสูตร
3.       ข้อมูลพื้นฐานการพัฒนา
4.       การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
หน่วยที่ ตอนที่ การออกแบบหลักสูตร (Generating Curriculum – Organization) (จำนวน ครั้ง ๆ ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง)
5.       ประเภทของหลักสูตร
6.       รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
7.       แบบจำลองพัฒนาหลักสูตร
หน่วยที่ ตอนที่ การจักระบบหลักสูตร (Generating Curriculum – Organization) (จำนวน ครั้ง ๆ ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง)
8.       การนำหลักสูตรไปใช้
9.       การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
หน่วยที่ การประเมินผลหลักสูตร (ผลผลิตหลักสูตร – Producing) (จำนวน ครั้ง ๆ ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง)
10.   การประเมินหลักสูตร
11.     ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
11. แผนการจัดการเรียนรู้
สัปดาห์
หัวข้อ/รายละเอียด
จำนวนชั่วโมง
กิจกรรมการเรียนการสอน   สื่อที่ใช้(ถ้ามี)
ผู้สอน
1
แนะนำรายวิชา
วางแผนการเรียนรู้ร่วมกัน
การศึกษา การพัฒนามนุษย์ กับหลักสูตร ความหมายคุณสมบัติ
ความสำคัญองค์ประกอบ
ลักษณะของหลักสูตรที่ดี
4
-บรรยาย/อภิปราย/สรุป
-ประมวลการสอน
ผศ.ดร.พิจิตรา
2
ทฤษฎีหลักสูตร
การสร้างทฤษฎีหลักสูตร
ทฤษฎีการออกแบบหลักสูตร
ทฤษฎีวิศวกรรมหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
3-4
ข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านการเมืองการปกครอง
ข้อมูลพื้นฐานสภาพปํญหา และแนวทางการแก้ในสังคม
ข้อมูลพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ข้อมูลพื้นฐานทางสภาพสังคมในอนาคต
ข้อมูลพื้นฐานจากนักวิชาการจากสาขาต่าง
ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวกับโรงเรียนชุมชนหรือสังคมที่โรงเรียนตั้งอยู่
ข้อมูลพื้นฐานทางประวัติศาสตร์และการศึกษาหลักสูตรเดิม
8
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
5-6
การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
การเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น
ประโยชน์ของการเรียนการสอนโดยใชการเรียนรู้ในท้องถิ่น
8
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
7
แบบจำลองพัฒนาหลักสูตร
แบบจำลองของไทเลอร์
แบบจำลองของทาบา
แบบจำลองวงจรชองวีลเลอร์และนิโคลส์
แบบจำลองของวีลเลอร์
แบบจำลองนิวโคลส์
แบบจำลองของวอคเกอร์
แบบจำลองของสกิลเบค
แบบจำลองของเซเลอร์และอเล็กซานเดอร์
แบบจำลองของพริ้นท์
แบบจำลองของโอลิวา
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
8
ประเมินผลระหว่างเรียน
4
สัปดาห์ที่1-สัปดาห์ที่7
ผศ.ดร.พิจิตรา
9-10
รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรความหมายของการพัฒนาหลักสูตรหลักการพัฒนาหลักสูตร ผลที่ได้จากการพัฒนาหลักสูตร กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
8
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
11
ประเภทของหลักสูตร
-หลักสูตรบูรณาการ
-หลักสูตกว้าง
-หลักสูตรเสริมประสบการณ์
-หลักสูตรหลายวิชา
-หลักสูตรแกน
-หลักสูตรแฝง
-หลักสูตรสัมพันธ์วิชา
-หลักสูตรเกลียวสว่าน
-หลักสูตรสูญ
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
12-13
การนำหลักสูตรไปใช้
หลักกรนำหลักสูตรไปใช้
ขั้นตอนการนำหลักสูตรไปใช้
ผู้เกี่ยวข้องกับการนำหลักสูตรไปใช้
8
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
14
การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ความจำเป็นของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดการพัฒนาหลักสูตร ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
15
การประเมินหลักสูตร
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
รูปแบบของการประเมินหลักสูตรของสเตค
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ของสตัฟเฟิลบีม
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ของไทเลอร์
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ของแฮมมอนด์
รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ของโพรวัส
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
16
ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
ปัญหาของการพัฒนาหลักสูตร
แนวโน้มของการพัฒนาหลักสูตร
4
-การนำเสนอเป็นกลุ่ม/อภิปราย/บรรยาย
-Power Point/ตัวอย่างในหนังสือ
ผศ.ดร.พิจิตรา
17
ประเมินผลปลายภาค
(หมายเหตุเป็นไปตามเกณฑ์ที่คุรุสภากำหนดให้สอนไม่น้อยกว่า16 สัปดาห์)
-
ทดสอบแบบทดสอบ
ผศ.ดร.พิจิตรา
รวม
64


12. แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
โครงสร้าง-แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชา การพัฒนาลักสูตร                                                                   หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต
คณะครุศาสตร์                                                                                     มหาวิทยาลัยนครพนม
เรื่อง....................................                                                                  เวลา ชั่วโมง


สาระสำคัญ
การจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ NPU Leaning Paradigm
วัตถุประสงค์
            เพื่อให้นักศึกษามีความรู้และทักษะการพัฒนาหลักสูตร ในประเด็นต่อไป
            1.การวางแผน (Planning Curriculum)
            2.การออกแบหลักสูตรและจัดระบบ(Generating)
            3.ผลผลิตหลักสูตร(Producing)
เนื้อหา
สาระความรู้ในแต่ละบทเรียน(บทที่1-11)
หน่วยที่
เนื้อหาสาระ
1.การวางแผน (Planning Curriculum)

1.การศึกษา การพํฒนามนุษย์กับหลักสูตร
2.ทฤษฎีหลักสูตร
3.ข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาหลักสูตร
4.การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
2.การออกแบหลักสูตรและจัดระบบ(Generating)
5.ประเภทของหลักสูตร
6.รูปแบบการพัฒนาหลักสูตร
7.แบบจำลองหลักสูตร
8.การนำหลักสูตรไปใช้
9.การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
3.ผลผลิตหลักสูตร(Producing)
              
10.การประเมินหลักสูตร
11.ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร


กิจกรรมการเรียนรู้
            ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน (30-60 นาที)
                1.ผู้สอนใช้คำถาม เพื่อร่วมกันทำความเข้าใจในการจัดการเรียนรู้ตามกระบวนทัศน์ NPU Leaning Paradigm เริ่มจากทบทวนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียน การเรียนการสอนแบบปกติ และการเรียนการสอนแบบการสร้างการเรียนรู้
            กิจกรรมดังกล่าวนี้สามารถใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกันเรียนรู้ ให้สมาชิกในกลุ่ม กำหนดบทบาทหน้าที่ประธาน เลขานุการ และสมาชิก
ขั้นจัดการเรียนรู้ (60-120 นาที)
          2.นักศึกษาแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนจัดการเรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์จุดหมายในการเรียนรู้ ความต้องการที่ผู้เรียนต้องการได้รับการตอบสนองในการศึกษาเรียนรู้ ประกอบด้วย กิจกรรม คือ
                2.1การกำหนดจุดมุงหมายการเรียนรู้
                2.2การกำหนดระดับคุณภาพของการเรียนรู้ในรูปแบบของภาระงาน คำถามเกี่ยวกับความรู้ที่ได้เรียนรู้ โดยกำหนดหรือระบุเป็นสาระความรู้ Declarative khowledge หรือ What student will understand และกำหนดหรือระบุเป็นทักษะ Procedural khowledgeหรือ What student will be able to do
            3.นักศึกษาจับคู่ร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ ในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การแสวงหาและใช้แหล่งการเรียนรู้ทั้งในรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือ และเรียนรู้ร่วมกัน ประกอบด้วย 3กิจกรรมย่อย คือ
                3.1การออกแบบการเรียนรู้หรือเลือกกลยุทธ์ในการเรียนรู้ ในยุคการศึกษา 4.0 เลือกผลิตภัณฑ์ในการเรียนรู้ จากหนังสือหรือเอกสาร(ใบความรู้ หรือสื่อการเรียนรู้อื่นๆ)  และเสนอแนะ/การจัดสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
                ในขั้นนี้มุ่งให้ผู้เรียนเรียนรู้แบบนำตนเอง เป็นรายบุคคล เพื่อบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตามBloom ขั้นความจำและความเข้าใจ
                 3.2การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ โดยสืบเสาะหาหรือจัดเตรียมบทเรียนที่ใช้ในการเรียนรู้จากสื่อดิจิทัล การเรียนรู้จากบทเรียนออนไลน์ที่เรียนรู้จาก Mobileleaning
    ในขั้นตอนนี้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นกลุ่มเพื่อนคู่คิด(จำนวน 2-3 คน)เพื่อบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตาม Bloom ขั้นความจำความเข้าใจ นำไปใช้
    3.3การบูรณาการความรู้อาศัยความร่วมมือกัน เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อบูรณาความรู้(จัดลำดับขั้นตามแนวคิดของบลูม จำ-เข้าใจ-นำไปใช้-วิเคราะห์-สังเคราะห์-ประเมินค่า) และฝึกวิพากษ์ความรู้
    ในขั้นตอนนี้มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย(จำนวน 4-5 คน)เพื่อบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตาม Bloom ขั้นความจำ ความเข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า และสร้างสรรค์
4.นักศึกษาร่วมกันตรวจสอบความเข้าใจในมโนทัศน์การเรียนรู้ ในประเด็นการประเมินความเข้าใจในการเรียนรู้ ตรวจสอบทบทวนความเข้าใจในการเรียนรู้ ตรวจสอบทบทวนความเข้าใจในการเรียนรู้ของตนเอง ประกอบด้วย 2 กิจกรรมย่อย คือ
     4.1การตรวจสอบแบบย้อนคิดทบทวน การประเมินผลการเรียนรู้ของตนเองการบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้
     4.2การประเมินความรู้เปรียบเทียบกับมาตรฐานการประเมินความก้าวหน้าในการเรียนรู้ตามแนวคิด SOLO Taxonomy
ขั้นสรุป (30-60 นาที)
5.นักศึกษาร่วมกันแสดงความคิดเห็น และร่วมกันตอบคำถาม(ผู้สอนกำหนดประเด็นคำถาม) นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบ อาจารย์และนักศึกษาแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ การร่วมกันสรุปประเด็นที่ได้จากการศึกษา

สื่อการเรียนการสอน
1.เอกสารประกอบการนำเสนอ (PowerPoint Presentation)
2.เอกสารคำสอนวิชาการพัฒนาหลักสูตร
3.บทความวิจัยเรื่อง การพัฒนากระบวนการทัศน์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ในยุคการศึกษา4.0 ของนักศนึกษาวิชาชีพครู

การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้
1.สังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของนักศึกษา
2.ตรวจคำตอบตามประเด็นคำถาม

13.การประเมินผล
หลักการประเมินผลการเรียนรู้
กรอบที่ในการอ้างอิงทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการประเมินผลการศึกษาระดับอุดมศึกษาครั้งนี้คือ หลักการประเมินผลการเรียนรู้และการให้ข้อเสนอแนะที่ดีทฤษฎีและหลักการ ที่เป็นผลการศึกษาวิจับของเดวิด นิโคล (David  Nicol  University of Strathclyde) ซึ่งนำเสนอหลักการประเมินผลและการให้ข้อมูลย้อนกลับทีดี 10 ข้อ ดังนี้

         1.ให้ความชัดเจนว่าการปฏิบัติงานที่ดีเป็นอย่างไร (เป้าหมาย เกณฑ์การวัด เกณฑ์มาตรฐาน)ขอบเขตของสิ่งที่ผู้เรียนต้องทำในหลักสูตรมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายของงเกณฑ์และมาตรฐานก่อนระหว่าง และหลังการประเมินผลแค่ไหน

        2.ให้ “เวลาและความพยายาม” กับการเรียนรู้สิ่งที่ท้าทาย ขอบเขตของงานที่มอบหมายมีส่วนกระตุ้นการเรียนรู้ทั้งในและนอกชั้นเรียน อย่างลึกซึ้งแค่ไหน
        3.ให้ข้อมูลย้อนกลับคุณภาพสูงที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตรวจสอบความถูกต้องได้ด้วยตนเอง ผู้สอนให้ข้อมูลย้อนกลับแบบไหนและความคิดเห็นดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ปรับปรุงด้วยตัวเองได้อย่างไร         
       4.สร้างความเชื่อที่เป็นแรง บันดาลใจและความเคารพตนเองในทางบวกขอบเขตของการประเมินและการให้ข้อมูลย้อนกลับสามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนและความสำเร็จแก่ผู้เรียนได้แค่ไหน
        5. สนับสนุนให้มีการปฏิสัมพันธ์และการพูดคุยในเรื่องการเรียนการสอน (เพื่อนและครูนักเรียน) มีโอกาสใดบ้างสำหรับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องงานที่มอบหมายเพื่อการประเมินผลในรายวิชาที่สอน
        6.อำนวยความสะดวกในการพัฒนาการประเมินตนเองและการสะท้อนความคิดทางด้านการเรียนขอบเขตของโอกาสอย่างเป็นทางการสำหรับการให้ข้อมูลย้อนกลับการประเมินตนเองการประเมินโดยเพื่อนในวิชาที่เรียนมีแค่ไหน
        7.ให้โอกาสผู้เรียนเลือกการประเมินผล-เนื้อหาและกระบวนการขอบเขตของผู้เรียนสำหรับการเลือกหัวข้อวิธีการเกณฑ์การวัดผลค่าน้ำหนักคะแนนกำหนดเวลาและงานที่มอบหมายเพื่อการประเมินผล(งานที่ใช้ประเมินผล/การประเมินผลงาน) ในรายวิชาที่สอนมีแค่ไหน
        8.ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการประเมินผลและปฏิบัติขอบเขตของข้อมูลผู้เขียนได้รับหรือมีการ ส่วนร่วมให้คำปรึกษา เพื่อการตัดสินใจเรื่องการประเมินผลมีแค่ไหน
       9.สนับสนุนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ขอบเขตของการประเมินผลและการให้ข้อมูลย้อนกลับช่วยสนับสนุนการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้แค่ไหน
     10.ช่วยครูผู้สอนในการปรับสอนเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียน   

การประเมินผลจะมีหลักการกระบวนการการประเมินการเรียนรู้ดังต่อไปนี้
1.การประเมินผลต้องยึดตามจุดประสงค์การสอนที่ชัดเจน
2. ขั้นตอนและเทคนิคในการประเมินผลควรเลือกตามจุดประสงค์ในการประเมิน
3. การประเมินผลควรเป็นที่เข้าใจได้ตรงกัน
4. การประเมินผลควรทำอย่างต่อเนื่อง
5. การประเมินผลควรระบุจุดอ่อนจุดแข็งและใช้งานได้
6.การประเมินผลควรเป็นความพยายามร่วมกัน
7. การประเมินผลควรจะมีความละเอียดรอบคอบ
การประเมินผล



ดังนั้นการประเมินผลของรายวิชา กำหนดค่าน้ำหนักคะแนน และค่าระดับ(เกรด) ดังนี้
13.1ประเด็นการ ประเมินผลของรายวิชาพร้อมค่าน้ำหนักเป็นร้อยละ
1. การสัมมนาประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร                                             ร้อยละ 10
2. ประเมินกิจกรรมพัฒนาบุคลิกภาพความสนใจและเข้าชั้นเรียน                                 ร้อยละ 10
3. การฝึกปฏิบัติ พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหรือตามความสนใจ                                ร้อยละ 10
4. การนำเสนอผลงาน                                                                                                    ร้อยละ 20
5.การประเมินความรอบรู้
กลางภาคเรียน                                                                                                               ร้อยละ 20
ปลายภาคเรียน                                                                                                              ร้อยละ 30

13.2 การกำหนดค่าระดับเกรดแต่ละระดับ ช่วง(ร้อยละ)ของคะแนน
คะแนน (ร้อยละ)
เกรด
80-100
A
75-79
B+
70-74
B
65-69
C+
60-64
C
55-59
D+
50-54
D
ต่ำกว่า 50
F

14.เอกสารและข้อมูลสำคัญ
 คณะกรรมาธิการนานาชาติว่าด้วยการศึกษาในศตวรรษที่21. การเรียนรู้ : ขุมทรัพย์ในตน. 
              กรุงเทพฯ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว
วิจารณ์ พานิช (2555วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21 กรุงเทพฯ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
Tyler R.W. (1949) Basic Principles of Curriculum and InstructionChicago : University of Chicago
            press